OST : เพลงประกอบชีวิตของคนพัง จากหนังเรื่อง Low Season สุขสันต์วันโสด

OST : เพลงประกอบชีวิตของคนพัง จากหนังเรื่อง Low Season สุขสันต์วันโสด

ถ้าช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาใครที่เข้าดู Netflix คงต้องเห็นหนังเรื่อง "Low Season สุขสันต์วันโสด" ที่กำลังเป็นกระแสและติดอันดับความนิยมในช่วงนี้ ซึ่งหลังจากที่ The Concert ได้ดูต้องขอบอกเลยว่าหนังเรื่องนี้มันไม่ได้มีดีแค่ บรรยากาศ ภาพ หรือเนื้อเรื่อง แต่มันมีการใช้เพลงมาเป็นตัวสื่ออารมณ์ของตัวละครในการเดินเรื่องได้เป็นอย่างดี ซึ่งถือเป็นสิ่งหนึ่งที่แอดชอบมากๆ ไม่ว่าจะเป็นการเลือกใช้เพลง สไตล์เพลง ที่เข้ากับบรรยากาศของตัวหนังได้เป็นอย่างดีที่สำคัญเพลงอะไรที่เราไม่เคยได้ฟัง ศิลปินที่เราไม่เคยรู้จัก หนังเรื่องนี้มันทำให้เราได้เปิดใจรับฟังอะไรใหม่ๆ อย่างไม่รู้ตัว รวมถึงเปิดโอกาสให้ศิลปินของชาวเชียงใหม่ได้โชว์ของอย่างเต็มที่เพราะเพลงประกอบของ "Low Season สุขสันต์วันโสด" เกือบตลอดทั้งเรื่องมาจากศิลปินชาวเชียงใหม่ทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็น เขียนไขและวานิช, เรืองฤทธิ์ บุญรอด, คณะสุเทพฯ รวมถึง KLEE BHO (คลี โพ) ศิลปินชาวปกาเก่อญอ ที่ต่างพากันมาขับกล่อมบทเพลงเติมเต็มหนังเรื่องนี้ให้มีความเป็นล้านนามากขึ้น 

เอาเป็นว่าเรามาดูกันดีกว่าว่าเพลงประกอบหนังเรื่อง "Low Season สุขสันต์วันโสด" ทั้งหมด มีเพลงอะไร แต่ละเพลงมันดีและทำให้เราอินได้ถึงขนาดไหนกัน รับรองว่าหลังจากได้ฟังครบทุกเพลงที่ The Concert หยิบยกมา คุณจะต้องหลงใหลดนตรีโฟล์คและวงดนตรีเหล่านี้แบบเต็มเปาเลยหละ


เดินทาง - A BOY & คลีโพ

ถือเป็นซีนแรกๆ เลยกับเพลง 'เดินทาง' ที่ดังขึ้นมาในจังหวะการเดินทางของหลินที่ต้องการจะใช้เวลาอยู่กับตัวเองและสิ่งแวดล้อม จึงได้เดินทางขึ้นไปอยู่บนดอย ซึ่งเพลง 'เดินทาง' นี้ก็เข้ากับบรรยากาศที่ดูเปล่าเปลี่ยว เรียบง่ายและธรรมชาติมากๆ เหมือนให้เราได้ใช้เวลาคิดอะไรหลายๆ อย่างจนอยากออกเดินทางดูสักครั้งตามชื่อเพลง




บ้านพาตี่ - คลีโพ

ซาวด์เพลินๆ ที่ทำให้เคลิ้มไปยกใหญ่จนแอดต้องหาฟังว่านี่คือเพลงอะไรและในที่สุดแอดก็ได้เจอกับเพลง 'บ้านพาตี่' ที่ตัวหนังไม่ได้หยิบคำร้องมาใส่ แต่ลำพังแค่ซาวด์ดนตรีมันก็ให้บรรยากาศบ้านนา คิดถึงบ้านเกิดที่ต่างจังหวัดซะจริงๆ แต่ที่เปิดมิติในการฟังเพลงเลยก็คือตัวเพลงเต็มๆ ของ 'บ้านพาตี่' ถูกขับร้องเป็นภาษาชาวดอยที่มันเสนาะหูแบบบอกไม่ถูก




เสน่ห์มูเส่คี - คลีโพ

เป็นอีกซีนที่เรียกเสียงฮาได้ยกใหญ่กับซีนที่ กะเร ร้องเพลง แล้วทำเอา หลิน และ พุธ ปวดหัวไปตามๆกัน กับเพลง 'เสน่ห์มูเส่คี' ที่ดูเผินๆ หลายๆ คนคงคิดว่าเพลงนี้เป็นเพลงที่แต่งขึ้นมาเอาฮาแน่ๆ แต่ป่าวเลยความจริงแล้วเพลงนี้เป็นเพลงจริงๆของศิลปิน 'คลีโพ' ที่ฟังได้เรื่อยๆ กับดนตรีที่เป็นเอกลักษณ์ ฟังแล้วสำนึกรักในธรรมชาติจริงๆ ซึ่งในหนังที่ กะเร ร้องเป็นเพียงแค่มุกตลกที่ร้องเอาฮาเท่านั้น ใครที่อยากฟังแบบเพราะๆ ก็สามารถฟังได้เลยที่นี่




ฤดูกาล - เรืองฤทธิ์ ft. Warin & คลีโพ

มาพูดถึงฉาก Feel Good ที่ได้เพลงประกอบแสนละมุนมาช่วยให้ บรรยากาศตอนกลางคืนหลังจากผ่านเหตุการณ์ป่วนๆ ของ พุธ กับ หลิน มันจบลงด้วยความโรแมนติกในบรรยากาศยามค่ำคืน พร้อมเพลงประกอบอย่าง 'ฤดูกาล' ที่ขับกล่อมเราอย่างอ่อนโยนจนอยากได้ใครสักคนมาอยู่ข้างๆ บ้างจัง T T




ภาพฝันในจักรวาล - เขียนไขและวานิช

อื้อหือ!!! บอกตรงๆ ถ้ามีคนร้องเพลงนี้ให้คงฟินไม่น้อยเพราะมันช่างหวานหยดย้อยซะเหลือเกิน กับเพลง 'ภาพฝันในจักรวาล' ที่มันพาให้เราคิดถึงวันเวลาที่ผ่านๆ มาของใครสักคนนึงที่เรานึกถึงและคงยังรู้สึกดีทุกครั้งที่นึกถึงเขา




แก้มน้องนางนั้นแดงกว่าใคร - เขียนไขและวานิช

เป็นซีนที่จิ้นไม่น้อยกับความรู้สึกของทั้งคู่ที่เริ่มมากกว่าคนรู้จัก และข้ามขีดจำกัดของคำว่าเพื่อน ซึ่งเพลง 'แก้มน้องนางนั้นแดงกว่าใคร' ตอบโจทย์และถูกใช้เป็นตัวเล่าเรื่องของการแอบรักใครสักใครอย่างถอนตัวไม่ขึ้นได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว




ถ้าพระอาทิตย์ - Max Jenmana

บรรยากาศแบบนี้เปิดเพลงแบบนี้ มันยิ่งชวนให้เขินหนักมาก!!! กับซีนที่หลินกับพุธเผยความรู้สึกที่มีต่อกัน ซึ่งการได้เพลง 'ถ้าพระอาทิตย์' มาคลอ มันยิ่งเติมฟีลของหนุ่มสาวที่ความรักกำลังพองโตและอยากมีเขาอยู่ข้างกาย จนไม่อยากให้อะไรมาแยกพวกเขาออกจากกัน




เรื่องของหัวใจ - คลีโพ

"ไม่เป็นไรหรอก เราไม่ได้เป็นอะไรกันนิ" หนึ่งประโยคเจ็บๆ หลังจากจุมพิตกันได้ไม่นาน ซึ่งอะไรมันจะเหมาะเจาะกับเพลง 'เรื่องของหัวใจ' ที่มันยิ่งตอกย้ำความเจ็บปวดของการจากลา และการเดินแยกทางตามหัวใจ....




เธอ - เรืองฤทธิ์ บุญรอด

หลังจากเลิกกับ พี่ต่อ ซึ่งเป็นแฟนเก่าแล้ว หลิน ก็กลับขึ้นมาบนดอยอีกครั้งเพื่อทบทวนอะไรหลายๆอย่าง ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่บนดอยมีคอนเสิร์ต "ป่าสนคนพังฟังเพลง" ที่มีศิลปินอย่าง เขียนไขและวานิช กับ เรืองฤทธิ์ บุญรอด มาแสดงสด โดยเพลงแรกที่ หลิน ได้ฟังคือเพลง 'เธอ' ที่ฟังแล้วมันอดคิดถึงใครสักคนและอยากให้เขากลับมากุมมือเราอีกครั้ง




หนีห่าง - เขียนไขและวานิช

เมื่อสิ่งที่รอมันไม่สมหวัง มันทำให้หลินรู้สึกเสียใจ และรู้สึกว่าตัวเองถูก 'หนีห่าง' ซึ่งมันตรงกับความรู้สึกและความหมายของเพลงนี้อย่างพอดิบพอดี




ฝนดาวตก - คณะสุเทพฯ

และสุดท้าย ที่เป็นสูตรสำเร็จของหนังรักฟีลกู๊ดที่จบแบบสมหวัง แม้จะมีฝนโปรยปรายแต่บรรยากาศก็เป็นสุข ที่ทั้ง หลิน และ พุธ ได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง โดยมีเพลง 'ฝนดาวตก' ที่มาต่อเติมความรู้สึกของความรักครั้งนี้ให้มันเบ่งบานมากขึ้น



หลังจากดูจบความรู้สึกที่ได้รับนอกเหนือจากความสนุกของหนังแล้ว อีกหนึ่งสิ่งที่แอดได้รับและคิดว่าทุกคนที่จะได้รับเหมือนกันนั่นก็คือ การเปิดใจฟังเพลงแนวใหม่ ศิลปินใหม่ เพลย์ลิสต์ใหม่ๆ ที่จะเข้ามาเติมเต็มและอยู่กับเราในทุกช่วงเวลาต่อจากนี้