เพราะความสัมพันธ์มักเริ่มต้นด้วยความสวยงามเสมอ “I'd Do It Again” ซิงเกิ้ลใหม่จาก "Violette Wautier"
เพลงล่าสุดจาก วี วิโอเลต วอเทียร์ ที่เพิ่งปล่อยออกมาสดๆ ร้อนๆ หลังจากมีข่าวลือเต็มฟีด เรื่องความสัมพันธ์ของวี ที่วีโพสรูปและประโยคบางอย่างในอินสตาแกรม แต่ตอนนี้ทุกสิ่งทุกอย่างก็ถูกเฉลยออกมาแล้วว่าเป็นการโปรโมทเพลงใหม่จากวี “I'd Do It Again”
แรงบันดาลใจในการแต่งเพลงนี้ของวี เกิดขึ้นมาจากความรักครั้งเก่า ที่วีไม่เคยพูดถึงที่ไหนมาก่อน วีเริ่มเขียนเพลงนี้ตั้งแต่ตอนอกหักใหม่ๆ แล้วก็ไปนั่งอยู่ที่บ้านโปรดิวเซอร์ของวี แล้วก็เริ่มเล่นเปียโนและเขียน Verse แรกออกมา แต่พอหยิบมาอ่านแล้วมันรู้สึกเศร้า และเจ็บปวดมากๆ ก็เลยจบอยู่แค่ตอนนั้น จนตอนที่ไปอังกฤษแล้วได้เจอกับ Yoad Nevo ซึ่งเป็นโปรดิเซอร์ชาวอิสราเอลที่อยู่ที่นั่นแล้วเขาชอบวีตั้งแต่ตอนที่ได้ฟัง Drive กับ Smoke ก็เลยชวนมาร่วมงานกัน และวีก็เลยนึกถึงเพลงนี้ขึ้นมา แล้วรู้สึกว่ามันน่าจะเอามาทำอะไรต่อได้ ก็เลยนำมาทำใหม่โดยมี Nathalie McLachlan Barnhill มาช่วยเขียนเนื้อร่วมด้วยจนออกมาเป็นเพลงนี้
“we fell in love
But we both messed it up
You were a storm and I was fire
Yeah we both had enough
Of Things broken on the floor”
เป็นท่อนที่วีชอบที่สุดในตอนนี้
“I'd Do It Again” เป็นชื่อเพลงที่น่าจะสโคปเพลงนี้ได้ดีที่สุด เพราะเนื้อเพลงพูดถึงความรักระหว่างคนทั้งคู่ ที่ถึงแม้มันอาจจะเจ็บปวดและทรมาน แต่ในความสัมพันธ์ที่ผ่านมานั้นก็ยังเป็นสิ่งสวยงามเสมอ และถึงแม้มันจะจบไปแต่ถ้าหากได้มีโอกาสเริ่มต้นใหม่ ก็ยังอยากที่จะทำมันอีกครั้ง ซึ่งวีบอกว่า เพลงนี้ไม่ใช่เพลงเศร้า มันคือการยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วก็มองย้อนกลับไปแล้วแฮปปี้ มันคือความเสียใจแต่แฮปปี้ที่มีโมเม้นท์แบบนี้
โดยใน MV ที่เป็นลองเทค เกิดจากตอนที่วีคุยกับผู้กำกับแล้ววีเห็นเป็นภาพลองเทค ซึ่งมันอาจจะยากไปซักหน่อย แต่พอถ่ายทำทุกอย่างเสร็จแล้วตัววีเองก็รู้สึกว่ามันคุ้มค่ามากๆ
“I'd Do It Again” ถือเป็นซิงเกิ้ลที่ดีมากๆ อีกหนึ่งเพลงจาก วี วิโอเลต วอเทียร์ ทั้งในพาร์ทของดนตรีที่ให้ความรู้สึกล่องลอยจากเสียงซินธิไซเซอร์ บวกกับเสียงของวีที่ชวนเคลิ้บเคลิ้มและชวนฝันในแบบฉบับของวี โดยนี่จะเป็นเพลงก่อนจะปล่อยอัลบั้มเต็มประมาณเดือนหน้า แต่ก่อนจะไปถึงตอนนั้นในวันศุกร์นี้วียังมีไปออกรายการ “ตลาดใจ” และต่อด้วยวันอาทิตย์ในคอนเสิร์ต “Love Delivery Fest by UNICEF” อีกด้วย