“ไม่” และ “เท่านี้” สองเพลงขั้วตรงข้ามจาก The Darkest Romance วงดนตรีที่ไม่จำกัดนิยามของแนวเพลงไว้แค่คำว่าร็อก

“ไม่” และ “เท่านี้” สองเพลงขั้วตรงข้ามจาก The Darkest Romance วงดนตรีที่ไม่จำกัดนิยามของแนวเพลงไว้แค่คำว่าร็อก

หลังสั่งสมประสบการณ์กว่า 10 ปีจากการทำเพลงนอกกระแส The Darkest Romance ได้นำประสบการณ์ที่มีมาต่อยอดเมื่อก้าวเข้าสู่ค่าย GeneLab และทดลองทำสิ่งใหม่อยู่ตลอดเวลา เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับแฟนเพลง




The Darkest Romance วงดนตรีแนว Alternative / Extreme Metal สุดเก๋าที่มีฝีไม้ลายมือไม่ธรรมดา ประกอบไปด้วย แม็ก-ธิติวัฒน์ รองทอง (ร้องนำ, เบส) ซีเกม-ธณัตชัย เหลือรักษ์ (กลอง) ก้อง-ก้องอุดม ใจทัศน์กุล (กีตาร์) และ เต้-ปัฏฐสิทธิ์ ห้วยห้อง (กีตาร์) หลังสั่งสมประสบการณ์มากกว่า 10 ปีจากการทำเพลงอันเดอร์กราวนด์ พวกเขาได้นำประสบการณ์ที่มีมาต่อยอดเมื่อก้าวเข้าสู่ห้องทดลองทางดนตรีอย่างค่ายเพลง GeneLab เดินหน้าผลิตผลงานเพลงคุณภาพมาให้แฟนเพลงได้รับฟังกันอย่างต่อเนื่อง จากอีพีอัลบั้ม “Words” ที่อัดแน่นไปด้วยงานดนตรีที่มีชั้นเชิงและเนื้อหาที่ลึกซึ้งคมคาย สู่การเดินทางครั้งใหม่ซึ่งพวกเขากำลังประกอบร่างจากเสี้ยวเล็กๆ ที่ค่อยๆ เผยออกมาให้ทุกคนได้เห็น

เป็นเวลาเกือบหนึ่งปีที่ The Darkest Romance ได้เผยเสี้ยวแรกให้ทุกคนได้รับรู้เรื่องราวและการเดินทางครั้งใหม่ของพวกเขาผ่านเพลง “เคย” เพลงที่ซ่อนบทบันทึกเรื่องราวของใครหลายคนไว้มากมาย พวกเขากลับมาอีกครั้งพร้อมดับเบิลซิงเกิลอัดแน่นทั้งซาวด์และความรู้สึกในเพลง “ไม่” และ “เท่านี้” สองเพลงที่วงตั้งใจอยากนำเสนอความรู้สึกที่เป็นเหมือนขั้วที่ตรงข้ามกัน อะไรที่ทำให้พวกเขากล้าทดลองทำสิ่งใหม่อยู่ตลอดเวลา เรามาทำความรู้จักกับบทเพลงของวงดนตรีรุ่นใหญ่แห่งค่าย GeneLab วงนี้ให้มากขึ้นกัน



Alternative / Extreme Metal คือรสชาติดนตรีที่เกิดจากการผสมผสานของเพลงร็อกหลายรูปแบบ
ถึงแม้ท่วงทำนองเพลงของพวกเขาจะสะท้อนห้วงอารมณ์ที่ทรงพลังขนาดไหน แต่ The Darkest Romance กลับไม่อยากจำกัดนิยามของแนวเพลงไว้แค่คำว่าร็อกเท่านั้น

ซีเกม : จริงๆ แล้วเราไม่ค่อยอยากนิยามให้วงตัวเองด้วยซ้ำไป เพราะเราไม่ได้เอาสไตล์ดนตรีมาเป็นตัวกำหนดคอนเซปต์ในการทำเพลง แต่กลับกันคอนเซปต์เป็นตัวกำหนดสไตล์เพลง เช่น คอนเซปต์แบบนี้เราอยากจะสื่อสารด้วยสไตล์ดนตรีแบบนี้ ถ้อยคำแบบนี้ เนื้อหาแบบนี้มากกว่า

แม็ก : Altenative ตามความหมายมันคือทางเลือก ซึ่งลักษณะที่พวกเราเลือกใช้มันมีการผสมผสานอย่างละนิดละหน่อย จากอิทธิพลของเพลงร็อกหลายรูปแบบ เราอาจจะไม่ได้เดินตามทางที่ชัดเจน ไม่ได้เป็น Death Metal หรือ Nu Metal อย่างเดียว ในขณะที่คำว่า Extreme Metal มีความครอบคลุมกว่า มีรายละเอียดของดนตรีที่ซับซ้อนขึ้น ซึ่งสิ่งที่น่าจะแทนความหมายได้ดีที่สุด น่าจะเป็นความหลากหลายและการผสมผสาน โดยมีเพลงที่เบสออนร็อกไปจนถึงเมทัลเท่าที่หลายๆ คนน่าจะคุ้นชิน เช่น ความเสียงดัง ความรุนแรง หรือแม้กระทั่งจังหวะจะโคนที่กระแทกกระทั้น

GeneLab ห้องทดลองทางดนตรีที่เปิดโอกาสให้ศิลปินได้เป็นตัวเองอย่างเต็มที่
หลังจากร่วมงานกับ GeneLab มาเกือบ 3 ปี เมื่อเทียบกับการทำเพลงนอกกระแส The Darkest Romance สามารถทำผลงานในแบบที่เป็นตัวเองได้เต็มที่กว่าที่เคยด้วยแรงสนับสนุนจากค่าย

เต้ : หลังจากร่วมงานกับ GeneLab มาเกือบ 3 ปีสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไม่ใช่เรื่องของแนวดนตรี แต่เป็นเรื่องของโปรดักชันที่มีความเป็นมืออาชีพมากขึ้น เพราะเมื่อก่อนเราไม่ค่อยได้มีมิวสิกวิดีโอที่เป็นออฟฟิเชียลเท่าไหร่

ก้อง : คือเราโชคดีด้วยกับการได้อยู่ในค่าย GeneLab เขาไม่ได้บีบบังคับให้เราทำเพลงแนวอื่น หรือบังคับให้เปลี่ยนแปลงตัวตน เรายังได้ทำในสิ่งที่เราอยากจะทำอยู่เหมือนเดิม

แม็ก : ที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัดคือในพาร์ตของโปรดักชัน แต่อีกเรื่องที่ต้องยอมรับคือเราได้พื้นที่ในการถูกมองเห็นที่กว้างมากขึ้น นั่นเป็นเรื่องที่ได้กลับมา แต่ขณะเดียวกันเราก็รู้สึกว่ามันได้ระบบการทำงานที่เป็นระบบระเบียบมากขึ้น เวลาทำงานต้องมีแพลน ต้องมีไทม์ไลน์ที่ชัดเจน เมื่อวงได้ทำงานได้เป็นระบบมากขึ้นก็ส่งผลต่อคุณภาพงานที่ดีขึ้นไปอีก



เนื้อหาที่กระแทกใจคนฟังคือเสน่ห์ของเพลงในแบบฉบับ The Darkest Romance
ถ้าไม่นับเรื่องเทคนิคการเล่นดนตรีอันหวือหวา อีกหนึ่งเสน่ห์ของเพลงในแบบฉบับ The Darkest Romance คือเนื้อหาที่สื่อสารออกมาได้ลึกซึ้งและคมคายจนกระแทกใจคนฟัง

ซีเกม : มันมีเสน่ห์ด้วยเหรอเพลงเราเนี้ย (ขำ) ผมมองว่ามันเป็นเรื่องของการสื่อสารโดยตรงผมใช้คำนี้แล้วกัน จากฟีดแบคไม่ว่าจะเป็นคอมเมนต์ยูทูปหรือที่เข้ามาคุยต่อหน้า มันจะเป็นไปในทางที่เพลงเรามันไปแตะเรื่องอะไรสักอย่างในตัวเขา มันเป็นแบบนั้นมากกว่า เขาไม่ได้ฟังแล้วโยกหัวตามเพลง เขาไม่ได้ฟังแล้วรู้สึกอินอะไร แต่มันเป็นภาพรวม เหมือนเราเป็นหมอจิตบำบัด เพราะเพลงของเราไปแตะอะไรสักอย่างในตัวเขา อันนี้น่าจะเป็นเสน่ห์ของเพลงวงเราครับ

เอกลักษณ์ของ The Darkest Romance คือวิธีการถ่ายทอดเพลงให้เหมือนเป็นเรื่องเล่า ผ่านดนตรีที่มีความหนักเบาเล่นกับอารมณ์คนฟัง
ดูเหมือนว่าวิธีการถ่ายทอดเพลงให้เหมือนเป็นเรื่องเล่า ประหนึ่งว่าคนฟังกำลังได้รับชมภาพยนตร์สักเรื่อง จะเป็นเอกลักษณ์ในการทำเพลงของ The Darkest Romance แต่ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่พวกเขาคิดว่าทำได้ดีเช่นกัน และน่าจะเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่สามารถมัดใจแฟนเพลงได้

แม็ก : ถ้าในมุมของผมที่เป็นคนเขียนเพลง จริงๆ ยังไม่รู้เลยว่าจะเรียกว่าเป็นเอกลักษณ์ได้หรือเปล่า เพราะส่วนหนึ่งเราสังเกตเรื่องราวและอยากจะหยิบยกเรื่องราวนั้นขึ้นมาเขียน แค่มันอาจจะบังเอิญเป็นเอกลักษณ์ เพราะเรื่องที่เราเขียนมันอาจจะเป็นเหตุการณ์แค่หนึ่งเสี้ยววินาทีแต่เราเอามาขยายจนเห็นภาพ เราอาจจะเล่าเรื่องตรงนั้นแล้วบังเอิญมันออกมาดี คือไม่กล้าเคลมว่าตัวเองเป็นคนเขียนเพลงเก่งเพราะรู้สึกว่ายังต้องเรียนรู้อะไรอีกมากมาย แต่ถ้าอ้างอิงฟีดแบคจากคนฟัง นอกเหนือจากการเล่าเรื่องแล้วมันคือเรื่องไดนามิกของเพลง มันอาจจะไม่ใช่เพลงที่เป็นร็อกกระแสหลัก หรือเป็นเพลงที่สามารถฟังได้โดยง่าย แต่คนที่ชอบพวกเราด้วยมิติอะไรสักอย่างหนึ่งคนจะพูดถึงเรื่องไดนามิกที่มีความหนัก ความเบา หรือเล่นกับอารมณ์ของคนซึ่งมันบังเอิญไปตอบสนองกับสิ่งที่เขารู้สึกได้ชัดเจนกว่าที่เคยฟังเพลงอื่นๆ มา แต่ถ้าถามว่าได้จงใจมาเล่าเรื่องอะไรแบบนี้หรือเปล่า ก็ไม่ได้ถึงขั้นเจตนามาเพื่อสิ่งนี้เพื่อเล่าเรื่องอย่างนี้ แต่ว่ามันอาจจะเป็นเรื่องบังเอิญที่ทำได้ดีและทุกคนชอบในสิ่งนั้น



เพราะความรู้สึกกลัวการทำอะไรเดิมๆ พวกเขาจึงต้องทบทวนและท้าทายไปในเวลาเดียวกัน
จากผลงานอีพีอัลบั้ม Words ที่แต่ละเพลงมีความยาวมากกว่า 10 นาที มาจนถึงการปล่อยเพลงแบบดับเบิลซิงเกิล “ไม่” และ “เท่านี้” จะเห็นได้ว่า The Darkest Romance เป็นวงที่ทำผลงานหลุดจากกรอบเดิมๆ เสมอ หรือพวกเขากำลังท้าทายตัวเองขึ้นเรื่อยๆ

แม็ก : สำหรับผม ผมรู้สึกว่ามันทั้งท้าทายและทบทวนไปในเวลาเดียวกัน อย่างเพลงที่ปล่อยออกมาเมื่อปีที่แล้ว “เคย” หรือสองเพลงล่าสุด “ไม่” และ “เท่านี้” มันจะมีส่วนผสมต่างๆ จากสิ่งที่เราเคยทำกันมาก่อนหน้านี้ ดังนั้นถ้าจะกลับไปทบทวน ก็คงทบทวนตรงที่ว่าเรายังสามารถ Stand On Ground ตรงนี้ได้ เลยรู้สึกว่าอยากทำสิ่งที่เรามีให้แข็งแรงขึ้น มันอาจจะเฉียบคมขึ้นไปโดยอัตโนมัติซึ่งนั่นเป็นเรื่องของประสบการณ์ แต่เราไม่อาจตัดสินด้วยตัวเองได้ ต้องเป็นทุกคนที่ให้ฟีดแบคกลับมา ส่วนท้าท้าย ใช่… เราท้าท้ายขึ้น เพราะส่วนตัวผมรู้สึกกลัวการทำอะไรเดิมๆ มันจะเป็นการก้าวย้ำอยู่ที่เดิม ซึ่งถ้าเราก้าวไปเรื่อยๆ มันอาจจะมั่นคง แต่ความท้าทาย สีสัน หรือความน่าตื่นเต้นบางอย่างมันจะลดลงไปตามกาลเวลา และเราไม่อยากให้มันเป็นแบบนั้น อย่างอัลบั้มที่แล้วก็เป็นผลพวงมาจากการทดลองของวงด้วยว่ามาลองดูให้สุดถึงไหนถึงกัน อย่างเพลงในอัลบั้มล่าสุดก็มีการทดลองวิธีการอัดเสียงใหม่ๆ หรือแม้กระทั่งการปรับแนวคิดอะไรใหม่ๆ

ด้วยคอนเซปต์ของวงและไอเดียจากค่าย คือสิ่งที่ทำให้ The Darkest Romance กลับมาพร้อมดับเบิลซิงเกิล
อาจจะไม่ค่อยได้เห็นศิลปินไทยปล่อยเพลงแบบดับเบิลซิงเกิลมาก่อน แต่ด้วยโครงสร้างที่วงได้ทำขึ้นบวกกับไอเดียจากค่าย GeneLab แฟนเพลงจึงได้ฟัง “ไม่” และ “เท่านี้” พร้อมกันแบบไม่ต้องรอนาน

แม็ก : ก่อนอื่นต้องขอบคุณพี่ๆ ที่ค่าย ซึ่งอย่างที่บอกไปว่าเรากำลังทำโปรเจกต์อัลบั้มใหม่ ในบรรดาเพลงที่เราประกอบร่างจนเสร็จสมบูรณ์ทั้งในแง่คอนเซปต์ เนื้อเพลง และอารมณ์ที่ต้องการจะแสดงออกจากพวกเราทั้ง 4 คนมันมีเพลง “ไม่” และ “เท่านี้” ที่นำไปเสนอที่ค่าย ด้วยเพลง “ไม่” มีพลังงานที่สูงกว่า แต่สำหรับเพลง “เท่านี้” จะมีความโศกเศร้า ด้วยตัวเพลงและคอนเซปต์มันคือสิ่งที่พวกเราตั้งใจจะทำในภาพรวมองค์รวมอยู่แล้ว พอเราเอาไปเสนอที่ค่ายเขาก็บอกว่ามันมีความเอ็กซ์ตรีมสุดๆ ทั้งสองด้านเหมือนกันนะ ถ้าปล่อยเป็นดับเบิลซิงเกิลมันน่าจะต่อยอดไปได้ไกลและมันน่าจะสนุก ซึ่งมันเป็นสิ่งที่รู้สึกว่าเราโชคดีจริงๆ ที่มีพี่ๆ ที่ค่ายช่วยไกด์ไลน์แล้วภาพมันมาลงตัวที่จุดนี้พอดี


“ไม่” และ “เท่านี้” สองเพลงที่วงตั้งใจอยากนำเสนอความรู้สึกที่เป็นเหมือนขั้วที่ตรงข้ามกัน
สองเพลงที่พูดถึงความรู้สึกที่เกิดขึ้นในช่วงขณะหนึ่ง อาจจะเป็นเสี้ยวเวลาสั้นๆ แต่มันคือหนึ่งในอารมณ์ที่สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน และเป็นอารมณ์ขั้วตรงข้ามที่ The Darkest Romance อยากนำเสนอให้ทุกคนได้สัมผัส ไม่เพียงแค่เนื้อหาแต่รายละเอียดของดนตรีก็ยังต่างกันสุดขั้ว

แม็ก : ทั้งสองเพลงมันให้ความรู้สึกที่เป็นเหมือนขั้วที่ตรงข้ามกัน อย่างเพลง “ไม่” มันเป็นความรู้สึกปฏิเสธต่อบางสิ่งบางอย่างที่เราไม่ถูกจริต หรือไม่โอเคกับสิ่งที่เราได้รับมา เช่น คำสั่ง คำแนะนำ คนทุกคนมีสิทธิ์ที่จะปฏิเสธ แต่เมื่อคำปฏิเสธมันถูกเมินเฉยหรือถูกมองข้ามไป กดทับไปเรื่อยๆ จนกลายเป็นมีอารมณ์โกรธแฝง และมันกลายเป็นการต่อต้านไปในที่สุด เลยเป็นเพลงที่น่าจะหนักแล้วก็เร็วที่สุดในอัลบั้ม ในขณะเดียวกันเพลง “เท่านี้” พูดถึงอีกมุมนึงก็คือคนสักคนที่มีความรู้สึกไม่ดีต่อตัวเอง เขาอาจจะตั้งความหวังกับตัวเองเอาไว้สูง หรือมีคนคาดหวังกับเขามาก มากซะจนเราพยายามมากแล้วแต่ไม่สามารถไปถึงความคาดหวังตรงนั้นได้ มันเลยรู้สึกผิดหวังกับตัวเอง น้อยเนื้อต่ำใจ จนคิดว่ามันอาจจะดีกว่ามั้ยถ้าเขาไม่ต้องมาคาดหวังกับเรา เพราะเราพยายามแทบตายแต่มันได้แค่นี้จริงๆ ในขณะที่เราพยายามผลักไสเขาออกไป แต่เขาก็หวังดีที่อยากให้เราพยายามอีกสักนิด ทั้งๆ ที่มันเป็นความหวังดีทั้งคู่แต่มันกลับกลายเป็นความเจ็บปวดในทีด้วยเหมือนกัน มันเป็นความรู้สึกที่เราเชื่อว่าไม่ค่อยพูดถึงกันบ่อย เป็นเรื่องที่ไม่สามารถเอามาพูดกันได้โดยง่ายสำหรับบางคน เราเลยอยากฉายภาพตรงนี้ออกมาให้เห็นไม่ใช่เพื่อซ้ำเติม แต่เพื่อบอกให้รู้ว่าบางครั้งมันมีคนที่ท้อแท้ ถ้ามันทำให้เขามองเห็นว่าพยายามแล้วได้แค่นี้จริงๆ แล้วคนมันใจดีต่อกันมากขึ้น แบบนี้คงจะดี

ซีเกม : ในพาร์ตของดนตรีสองเพลงนี้ก็ไม่เหมือนกันเลย คนละขั้วกันเลยด้วยซ้ำ อย่างเพลง “ไม่” เป็นเมทัลชัดเจนเลย รุนแรง เร็ว เรียบง่าย แต่ว่าสาดอย่างเดียวเลย ส่วนเพลง “เท่านี้” จะรายละเอียดเยอะ จะเล่นกับเมโลดี้ ทำนอง คอร์ด เยอะกว่ามากๆ พอมาอยู่รวมกันมันจะมีความคอนทราสกัน และพอเอามาใส่ในมิวสิกวิดีโอที่เป็นเรื่องเดียวกัน แต่เพลงมันคนละเรื่องเลยก็ได้เป็นอารมณ์อีกแบบนึง

ก้อง : มันก็ต่างที่รายละเอียดอย่างที่บอกว่าเพลง “ไม่” เราก็ใส่กันแบบตรงๆ ง่ายๆ ส่วนเพลง “เท่านี้” จะมีรายละเอียดของดนตรีค่อนข้างเยอะกว่า บางเสียงที่เราใส่ไว้แต่อาจจะไม่ได้ยิน เป็นรายละเอียดเล็กๆ ที่ซ่อนอยู่ตามจุดต่างๆ แล้วก็วิธีการอัดที่ต่างกัน เพลง “ไม่” เป็นเพลงแรกที่อัดเสียงพร้อมกันทั้งวงโดยไม่มีการตัดต่อจังหวะใดๆ เป็นสิ่งที่พวกเราไม่เคยทำมาก่อน


สำหรับใครที่รอไปฟังเพลง “ไม่” และ “เท่านี้” บนเวที GeneLabCon รอรับความมันส์ได้เลย

แม็ก : ได้ฟังสองเพลงนี้บนเวที GeneLabCon อย่างแน่นอนเพราะเป็นเพลงใหม่ แต่ว่าจะมาในลักษณะแบบไหนเราอาจจะยังตอบไม่ได้ แต่จริงๆ ที่อยากชวนทุกคนมาไม่ใช่แค่ดูวงใดวงหนึ่ง แต่อยากให้มาดูทุกวงแบบองค์รวม ทั้งศิลปินรุ่นพี่และศิลปินรุ่นน้องของค่ายที่เพิ่งเข้ามาใหม่

ดูคอนเสิร์ต The Darkest Romance ไม่ต้องซ้อมร้อง แต่เตรียมร่างกายให้พร้อมก็พอ

ซีเกม : การเตรียมความพร้อมสำหรับ GeneLabCon คือเตรียมร่างกาย (ขำ) เพราะเราไม่ได้เล่นคอนเสิร์ตกันนาน

แม็ก : การเตรียมที่ดีที่สุดคือการเตรียมร่างกาย ให้พวกเรายืนกันให้อยู่ให้ได้ก่อน ไม่ให้พวกเราล้มไปซะก่อนครับ (ไม่ใช่แค่ศิลปินแต่แฟนเพลงก็เตรียมตัวมาด้วยนะ รับประกันงานนี้โดดมันส์แน่นอน)



The Concert Hall ไลฟ์เฮาท์แห่งใหม่ย่านฝั่งธนฯ พื้นที่สำหรับศิลปินหน้าใหม่ได้มีโอกาสแสดงฝีมือ
ในฐานะศิลปินที่มีโอกาสได้มาแสดงที่ The Concert Hall พวกเขาทั้ง 4 คนลงความเห็นว่าอยากให้มีไลฟ์เฮาท์แบบนี้เกิดขึ้นในประเทศไทยอีกเยอะๆ เพื่อให้ศิลปินหน้าใหม่ได้โชว์ฝีมือและเก็บเกี่ยวประสบการณ์

ซีเกม : คือที่เล่นของนักดนตรีมันไม่ได้หาง่ายขนาดนั้น อย่างผมเป็นครูสอนดนตรีด้วย ผมยังรู้สึกว่าเด็กนักเรียนยังหาที่เล่นได้ง่ายกว่า เช่น เวทีประกวด เวทีโรงเรียน แต่พอเราโตกว่านั้นเราไม่ได้มีที่เล่นแล้ว ถ้าเราไม่ได้มีค่ายซัพพอร์ตหรือมีงบประมาณที่จะดันตัวเองเพื่อหางาน แต่พอมันมีที่แบบนี้มันก็ดีช่วยซัพพอร์ตศิลปินได้ดี มันเปิดโอกาสให้วงดนตรีได้แสดงฝีมือทั้งวงเล็กและวงใหญ่

ก้อง : มันดีสำหรับชาวฝั่งธน เพราะว่าแถวนี้มันไม่มี พอมีคอนเสิร์ตทีต้องเข้าเมืองแล้วมันไกลมาก ย่านฝั่งนี้ก็มีคนชอบดูคอนเสิร์ตเยอะ การที่มีฮอลล์แบบนี้มันก็อาจจะช่วยให้มีคอนเสิร์ตมาจัดฝั่งนี้มากขึ้น และก็เป็นพื้นที่เปิดโอกาส จะเห็นได้ว่าเดี๋ยวนี้เริ่มมีขึ้นมาบ้าง เพราะเมื่อก่อนมันไม่มีสถานที่แบบนี้เลย คือถ้าจะเล่นคอนเสิร์ตบางที่ต้องไปตามผับ บางสถานที่มันไม่เหมาะสมที่จะจัดคอนเสิร์ต ด้วยเรื่องขนาดและซาวด์

เต้ : ก็ดีใจที่มีสิ่งนี้เกิดขึ้น อยากให้ประเทศไทยมีพื้นที่แบบนี้เยอะๆ เพื่อซัพพอร์ตศิลปินที่ทำผลงาน ไม่ว่าจะเป็น เมนสตรีม อินดี้ หรืออันเดอร์กราวน์ เพราะมีสิ่งนี้ก็จะทำให้เขามีพื้นที่มาโชว์ผลงานของเขา บวกกับที่เป็นย่านฝั่งธนก็สะดวกกับคนฝั่งนี้ด้วย พอวงดนตรีได้มาเล่นตรงนี้เขาก็จะได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์ไปในตัว มีพื้นที่พัฒนาความสามารถ และวงการดนตรีมันก็จะดีขึ้น พอคนที่พื้นที่ได้เล่น แฟนเพลงก็จะได้มาดูการแสดงสดของวง ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีมากๆ อยากให้มีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

แม็ก : ทุกคนพูดไปหมดแล้ว และผมเห็นด้วย สรุปว่ามันดีครับ

จากเพลง “เคย” มาจนถึง “ไม่” และ “เท่านี้” ผลงานถัดไปอาจจะเป็นอัลบั้มที่ทุกคนรอคอย

แม็ก : ตอนนี้แพลนที่วางไว้คร่าวๆ จะมีซิงเกิลอีกนิดหน่อย อย่างที่เกริ่นไว้พวกเรากำลังประกอบร่าง กำลังลุยในเรื่องของอัลบั้มกันอยู่ เรากำลังจะมีเพลงต่อไปมั้ย ใช่… แต่อยากเก็บไว้ก่อน ตอนนี้เสี้ยวแรกคือ “เคย” อีกสองเสี้ยวต่อมาคือ “ไม่” และ “เท่านี้” แต่เสี้ยวต่อจากนี้เราจะมาแบบไหนให้ทุกคนได้รอลุ้นไปพร้อมกัน เราอาจจะกลับไปสู่สิ่งเดิม หรือเราจะมาในเวย์อื่นอีก เราคิดว่ามันน่าสนุกร่วมกันได้อีก อย่างตอนนี้เรามีเสี้ยวต่างๆ เพื่อลากเส้นต่อจุด แต่ในองค์รวมถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดอาจจะมาในปีหน้า เราอาจจะมาพร้อมกับภาพเต็มๆ และเราอยากชวนทุกคนมาดูภาพรวมเต็มๆ นั้นด้วยกัน



“ไม่” และ “เท่านี้” อาจจะไม่ใช่เพลงที่ไปอยู่ในใจของคนฟังได้ตั้งแต่ครั้งแรก แต่สำหรับบางคนที่มีความรู้สึกอยากจะระบายออกมา มาปลดปล่อยทุกความรู้สึกไปกับสองบทเพลงนี้ และไปตะโกนร้องให้สุดเสียงใน GeneLabCon คอนเสิร์ตใหญ่ของค่าย GeneLab นอกจากความมันส์เดือดพล่านที่จะได้รับจาก The Darkest Romance ยังมีอีก 13 ศิลปินที่เตรียมความสนุกสุดพิเศษไว้ให้แฟนๆ แบบยกค่ายอีกด้วย



วันที่ 1 ตุลาคม 2565 ณ ยูเนี่ยน ฮอลล์, ชั้น 6 ศูนย์การค้ายูเนี่ยน มอลล์
บัตรยืนราคา 1,500 บาท กดซื้อได้ที่ : www.theconcert.com/concerts/genelabcon



ติดตามความเคลื่อนไหวของ “The Darkest Romance” ได้ที่ : www.facebook.com/TheDarkestRomance และ www.facebook.com/genelabrecords