WINE 101 “ดู แกว่ง ดม ดื่ม” 4 Step จิบไวน์ฉบับมือใหม่ เข้าใจง่าย จบได้ในโพสต์เดียว!!

สิ่งแรกที่ต้องทำเมื่อเห็นไวน์ที่เสิร์ฟในแก้วไม่ใช่เขย่า แต่เป็นการ ‘ดู’ (See) วิธีนี้สามารถบอกเบื้องต้นได้ว่าไวน์ที่อยู่ตรงหน้ามีลักษณะรสสัมผัส (Body) เข้มข้นมากน้อยเพียงใด ถ้าใสๆ รสสัมผัสอาจจะเบา (Light) หากไม่ใสมากก็จะปานกลาง (Medium) หรือหากเข้ม ทึบ ก็อาจจะมีบอดี้ที่เต็ม (Full) ซึ่งถ้าเป็นไวน์ขาว ให้ดูที่สีของไวน์ว่าเป็นสีเหลือง สีทอง สีส้ม สีอำพัน หรือดูว่ามีความขุ่นแค่ไหน สำหรับไวน์แดง ลองสังเกตว่ามีความเจือจาง สีใสมากหรือน้อย หรือมีความเข้ม-ขุ่นแค่ไหน

ใน 4 Step เชื่อว่าหลาย ๆ คนชอบวิธีนี้ที่สุด นั้นก็คือ ‘แกว่ง’ (Swirl) วิธีนี้ช่วยให้กลิ่นค่อยๆ กระจายตัวออกมา สังเกตสีของไวน์ที่สะท้อนไปตามแสง และดู ‘ขา’ (Leg) ให้น้ำไวน์ที่ไหลลงมารอบๆ แก้ว มีลักษณะเป็นอย่างไร ไหลลื่นไม่ทิ้งรอย หรือหนืดติดแก้วแบบค่อยๆ ไหลกลับลงจากขอบแก้วช้าๆ ซึ่งเป็นวิธีที่นักชิมไวน์ใช้ดูปริมาณแอลกอฮอล์ และน้ำตาลที่อยู่ในน้ำไวน์นั่นเอง

ดม (Sniff) วิธีนี้บอกถึงความเข้มข้นของเนื้อไวน์ว่าจางหรือเข้มข้นมากน้อยขนาดไหน มีกลิ่นแปลก หรือผิดปกติหรือไม่ ซึ่งควรจะดมจากแก้วไวน์ เพราะแก้วไวน์ถูกออกแบบมาเพื่อทำให้กลิ่นของไวน์ชัดเจนขึ้น และหากได้กลิ่นไวน์ตั้งแต่ยังไม่เข้าใกล้ เป็นไปได้ว่าไวน์อาจจะมีความเข้มข้นสูง

มาถึงขั้นตอนสุดท้ายที่หลายคนรอคอย จิบ (Sip) เริ่มจิบไวน์ทีละนิด รับรสหวาน (Sweetness) น้อย กลาง หรือมาก มีความฝาดความเฝื่อนลิ้น (Tannin) อย่างไร ไปจนถึงความเข้มข้นของไวน์ว่าอยู่ในระดับไหน ซึ่งหากลิ้นเรารับรสที่ได้จากไวน์ในปากหลังจากจิบไปเกินห้าวินาที แปลว่าไวน์นั้นมีรสชาติที่ยาวนาน (Long finish) และมีรสที่สั้น (Short finish) หากรสนั้นคงอยู่ไม่นานเกิน 3 วินาที ซึ่งทั้งหมดนี้จะบ่งบอกถึงคุณภาพของไวน์ขวดนั้นด้วย

ส่วนใครที่อยากเข้าวงการไวน์ แต่ยังหาร้านไปนั่งจิบนั่งชิลไม่ได้ เราแนะนำให้ไปดูได้ที่นี้เลย 

19 พิกัด Wine Bar Vibe ดี น่าเช็กอิน จิบเบา หลบฝน ถ่ายรูปฟิลคุณหนูติดแกลม!!

https://www.theconcert.com/news/nightlife/2700