OST : 365 DNI กับเพลงรักที่ชวนให้ร้องดังไปถึงวอร์ซอ

OST : 365 DNI กับเพลงรักที่ชวนให้ร้องดังไปถึงวอร์ซอ

เรียกได้ว่าเป็นกระแสอย่างถล่มทลายกับภาพยนตร์เรื่อง 365 DNI (365 Days) ภาพยนตร์ Erotic Romance Drama ซึ่งหลังจากเข้าฉายใน Netflix ก็มีเสียงฮือฮาและมีดราม่ากันขึ้นมามากมายหลายทางเลยทีเดียว ด้วยความที่ตัวหนังจัดเรทไปถึง 20+ จึงทำให้ มีผลต่อความรู้สึกทางสังคมกันเป็นอย่างสูง และความคิดเห็นที่แตกต่างกันไปต่างๆ นาๆ 

365 DNI ภาพยนตร์สัญชาติโปแลนด์ ที่ถูกดัดแปลงจากวรรณกรรมในชื่อเดียวกันของ Blanka Lipińska กำกับโดย Barbara Białowąs และ Tomasz Mandes และได้ Michele Morrone มารับบท Don Massimo Torricelli มาเฟียหนุ่มอิตาลีที่เสียพ่อไปต่อหน้าต่อตา และการต้องรับบทบาทเป็นบอสใหญ่ของตระกูล ทำให้ชีวิตของเขานั้น เวลาอยากได้อะไรล้วนแล้วแต่ต้องใช้กำลังช่วงชิงมาทั้งนั้น นั่นจึงเป็นต้นเหตุของเรื่องที่ทำให้นางเอกถูกลักพาตัวมา เพราะ เธอคือนางในฝันที่ Massimo เฝ้าฝันถึงมาตลอด 5 ปีที่ผ่านมา จนได้มาเจอกับ Laura Biel รับบทโดย Anna-Maria Sieklucka สาวก๋ากั๋นที่กำลังตกอยู่ในอารมณ์เปลี่ยวเหงาจากแฟนของเธอ ที่ไม่สนใจและละเลยความเอาใจใส่ในความรู้สึก รวมไปถึงเรื่องทำการบ้าน ทำให้ในคืนวันเกิดที่น่าอดสูของเธอ เธอจึงหลีกหนีความน่าเบื่อหน่ายเหล่านั้นออกมา จนเป็นเหตุการณ์ที่เปลี่ยนชีวิตเธอไปอย่างไม่ทันได้คาดคิด



ภาพรวมของภาพยนตร์นั้น ไม่ได้มีอะไรให้พูดถึงในแง่ภาพยนตร์มากนัก เนื้อเรื่องเป็นไปอย่างเรียบง่ายไม่ได้มีชั้นเชิงการเล่าเรื่อง หรือมีปรัชญาใดๆ ให้ขบคิด แต่ภาพยนตร์เรื่องนี้กลับโดดเด่นไปด้วยภาพที่สวยและซีนอีโรติกในเรื่องที่ผู้คนต่างกล่าวถึงกันอย่างหนาหู ด้วย sex appeal ของพระนางและความรุนแรงในซีนที่ออกแนว BDSM ที่ย่อมาจากคำหลายคำ ที่บางคำมีความหมายคล้ายคลึงกัน คือ Bondage (ความเป็นทาส), Discipline (การลงโทษ), Dominance (การปกครอง), Submission (การยอมจำนน), Sadism  (ารมีความสุขจากการทำให้ผู้อื่นเจ็บปวด) และ Masochism (การมีความสุขจากการถูกผู้อื่นทำให้เจ็บปวด) ซึ่งทั้งหมดนั้นเองที่ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้อยู่ในกระแสขึ้นมา

แต่นอกจากเรื่องเหล่านั้นแล้ว ความดีงามของภาพยนตร์เรื่องนี้อีกเรื่องก็คือเพลงประกอบภาพยนตร์นั่นเอง โดยในเรื่องจะมีเพลงเพราะๆ มากมาย ให้เราได้ฟังตลอด ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นเพลงเพราะๆ ที่เข้ามาอย่างเหมาะเจาะมากๆ ในแต่ละซีน และที่น่าเซอร์ไพร์ขึ้นไปอีกก็คือ หนุ่ม Michele Morrone ที่สาวๆ ต่างหลงใหลในรูปร่างหน้าตาของเขานั้น ยังมีความสามารถในการเป็นศิลปินอีกด้วย โดยเขามีผลงานเพลงเผยแพร่บน Youtube เป็นแชนแนลชื่อเดียวกับตัวเอง “Michele Morrone” และมีผู้คนตามถึง 3.14 แสนคนในตอนนี้ โดยเพลงยอดนิยมของเขาในตอนนี้ก็คือซิงเกิ้ล "Feel It" ที่ใช้ในการโปรโมทภาพยนตร์เรื่องนี้อีกด้วย

Michele Morrone - Feel It #WithMe (z filmu 365 dni)


แต่แค่เพลงโปรโมทก็คงยังไม่พอที่จะลูบไล้อารมณ์ให้ถึงจุดสุดยอด คงต้องต่อด้วยเพลงบิ้วอารมณ์จากซีนโรแมนติกต่างๆ ที่เรากำลังจะพูดถึง และพากันไปขย่มอารมณ์ให้ถึงวอร์ซอกันเลยทีเดียว เริ่มกันด้วยเพลงแรก

You - Alex Condliffe, Lamb Hands


ที่บรรเลงขึ้นมาจากดินเนอร์ครั้งแรกของเขาทั้งคู่ โดยในซีนนี้คงจะทำให้สาวๆ กรี๊ดกันไปกับจังหวะกระซิบข้างหูด้วยไดอะล็อคแสนละมุนที่ออกมาจากลุคที่ดูเกรี้ยวกราดของหนุ่มมาเฟียอิตาลีคนนี้ ที่พูดว่า “ผมอยากให้คุณสอนให้ผมเป็นคนอ่อนโยน เพื่อคุณ”

และมาต่อกันด้วยเพลง
Watch Me Burn - Michele Morrone


จากฉากอาบน้ำด้วยกันระหว่าง Massimo และ Laura ที่มาเฟียหนุ่มถูกเล้าโลมด้วยสายตา และเย้ายวนด้วยท่าทางของ Laura จนทำให้ Massimo ถึงกับลุกเป็นไฟจนแทบทนไม่ไหว

ส่วนอีกฉากที่ Laura เข้ามาในห้องนอนของ Massimo และยั่วอารมณ์จนถูกจับล็อคก็ถูกใส่สกอร์เพลงปลุกความรุกเร้าให้กับซีนนี้เป็นอย่างมาก จนมาถึงเหตุการณ์ในคลับที่ Laura ยั่วโมโห Massimo จนเกิดเรื่องใหญ่โต ความรู้สึกผิดและความรู้สึกขอบคุณที่ช่วยชีวิตตอนตกน้ำ ทำให้ Laura ยินยอม จนในที่สุดเพลงบิ้วอารมณ์ที่ดำเนินมาครึ่งเรื่อง ก็ก่อเกิดเพลงรักร้อนแรงของทั้งคู่ขึ้นบนเรือท่ามกลางทะเลเป็นครั้งแรกด้วยเพลง

I See Red - Everybody Loves an Outlaw


มาต่อกันด้วยเพลงบรรเลงรักเพลงที่สอง ที่ดังขึ้นหลังจากกลับมาจากงานเลี้ยงเต้นรำ ที่ Laura ได้เจอกับแฟนเก่าของ Massimo ทำให้มีบรรยากาศที่คุกรุ่นไปด้วยความบึ้งตึง แต่เมื่อการเล้าโลมคือจุดเริ่มต้น เพลงรักก็ถูกบรรเลงขึ้นอีกครั้ง

Finish Line - SATV Music


ทุกอย่างที่ดูเหมือนจะเป็นไปด้วยดี แต่หลังจากที่ Laura ถูกส่งตัวมาโปแลนด์ล่วงหน้าโดยไม่บอกอะไรให้รู้เลย ทำให้ Laura รู้สึกว่าตัวเองไม่ต่างอะไรจากนักโทษที่ถูกจองจำไปด้วยเสน่หา จนเมื่อทั้งคู่มาเจอกันอีกครั้ง แม้ความโกรธเกรี้ยวนั้นจะถูกระเบิดออกมา แต่เชื่อเถอะด้วยความรักใคร่ที่เกิดขึ้นแล้ว ทุกอย่างก็เป็นไปตามจังหวะของเพลงนี้

Prisoner - Raphael Lake, Aaron Levy, Daniel Ryan Murphy


แม้หนังจะจบไปด้วยการสร้างความสงสัย และทำให้คิดว่ามีภาคต่อแน่ๆ แต่เพลงบรรเลงซีนรักใคร่ ที่ประกอบภาพยนตร์เรื่องนี้ ที่แอดหยิบมาพูดถึง ไม่รู้ว่าฟังกันแล้วถูกบิ้วอารมณ์กันไปถึงวอร์ซอรึป่าว แต่แอดแอบเชื่อว่า มันอาจจะกลายเป็นส่วนหนึ่งในแทรคลิสต์เพลงบรรเลงรักของหลายคู่ไปเลยก็ได้นะ คริคริ

365 DNI Soundtrack