'Chris Martin' ชายผู้ใช้ดนตรีเยียวยาทุกสิ่ง

'Chris Martin' ชายผู้ใช้ดนตรีเยียวยาทุกสิ่ง

หากพูดถึงชื่อ Coldplay หลายๆคน คงนึกถึงกลุ่มวงดนตรีอัลเทอร์เนทีฟร็อกกับสไตล์การทำเพลงที่คาดเดาไม่ได้ เจ้าของเพลงฮิตอย่าง Paradise, Yellow, หรือ Something Just Like This ที่ถูกร้องโดยฟรอนต์แมนแดนผู้ดีที่เต็มเปี่ยมไปด้วยร้อยยิ้มอย่าง Chris Martin จนทำให้หลายเพลงของเขามีผลต่อจิตใจของคนฟังและช่วยให้กำลังใจใครต่อหลายคนได้จริง ในวันนี้ The Concert จะพาทุกคนไปรู้จักกับชายหนุ่มที่ดูอบอุ่นคนนี้ให้มากขึ้น แล้วคุณจะรู้ว่าดนตรีไม่ใช่แค่ความบันเทิงแต่มันคือความรู้สึกของเขาที่สามารถส่งผ่านไปให้คุณได้ เพียงแค่คุณได้ฟังมัน!!



คริส มาร์ติน หรือชื่อเต็ม 'คริสโตเฟอร์ แอนโธนี่ จอห์น มาร์ติน' เขามาจากครอบครัวชนชั้นกลางในมณทลเดวอน โดยมีพี่น้องทั้งหมด 5 คนซึ่งคริสเป็นลูกคนโต คริส เริ่มฟอร์มวงดนตรีครั้งแรกสมัยกำลังจะขึ้นมหาวิทยาลัย และเริ่มจริงจังเรื่อยมา จากนั้นคริสเข้าศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัยที่ University College London ที่ขณะนั้นติด 1 ใน 10 มหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในอังกฤษ พร้อมกับฟอร์มวงร่วมกับเพื่อนๆ ซึ่งตอนแรกวงของพวกเขาใช้ชื่อว่า The Pectoralz ก่อนจะเปลี่ยนเป็น Starfish จนสุดท้ายพวกเขาใช้ชื่อ Coldplay ที่ได้รับชื่อมาจากวงดนตรีที่ยุบวงไป



แต่ที่น่าทึ่งและฉีกภาพลักษณ์ของวงร็อกเห็นทีคงจะเป็นการที่สมาชิก Coldplay ทั้ง 4 คน ได้ทำสัญญาว่า "หากสมาชิกคนใดในวงถูกจับได้ว่ายุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด สมาชิกคนนั้นจะต้องออกจากวงทันที"

ความโดดเด่นของ Coldplay คืองานเพลงแนวอัลเทอร์เนทีฟร็อกที่มีเนื้อหา ลึก และจับใจ โดยผลงานส่วนใหญ่ก็มาจากคริส ที่ทำหน้าที่ทั้งในฐานะนักร้องและแต่งเพลง อาทิ Yellow, The Scientist, Viva La Vida, Paradise, Parachutes, True Love, The Hardest Part, Til Kingdom Come และอีกมากมาย ซึ่งหนึ่งในนั้นก็มีเพลง Fix You ที่คริสแต่งขึ้นมาเพื่อเป็นกำลังใจให้กับอดีตภรรยา กวินเน็ธ พัลโทรว์ หลังจากที่สูญเสียคุณพ่อไป และสุดท้ายเพลงนี้ก็กลายเป็นที่เพลงที่ไม่ได้ให้กำลังใจแค่อดีตภรรยาของเขา แต่กลายเป็นเพลงที่ให้กำลังใจมนุษย์ทุกคนที่กำลังอยู่ในช่วงเวลาเลวร้าย เจ็บปวด ซึ่ง กวินเน็ธ พัลโทรว์ ออกมาเผยผ่านรายการวิทยุอีกว่านอกจากเพลง Fix You แล้ว "ในช่วงเวลาที่ฉันกับน้องชายอยู่ในช่วงเวลาที่ยากลำบากตอนที่พ่อเสียชีวิต เราฟังอัลบั้ม Parachutes ซ้ำไปซ้ำมา โดยเฉพาะท่อนสุดท้ายของเพลง Everything’s Not Lost มันช่วยให้เราผ่านพ้นช่วงเวลานี้ไปได้จริงๆ"

ท่ามกลางการปลอบประโลมที่คริสมอบให้คนทั่วโลก ตัวเขาเองก็เคยเผชิญกับช่วงเวลาที่ยากลำบาก สับสน และอ่อนแอที่สุดเหมือนกัน จากการที่เปลี่ยนแนวทางของวงในอัลบั้มหลังๆที่แฟนเพลงของพวกเขาต่างบอกว่า Coldplay กลายเป็นวงที่ขายตัวเองให้กับธุรกิจดนตรีไปเรียบร้อยแล้ว คริสในช่วงเวลานั้นมีสิ่งเดียวที่ทำได้คือการเยียวยาและกลั่นความทุกข์ที่ตัวเองต้องแบกรับไว้ออกมา จนกลายเป็นอัลบั้ม Ghost Stories และในงาน NME Award 2016 คริสยังโดนวงรุ่นน้องอย่าง BRING ME THE HORIZON กร่างใส่ด้วยการปีนโต๊ะร้องเพลงโชว์อย่างเย้ยหยันอีกด้วย



ท่ามกลางคำถามของการยืนอยู่บนชื่อเสียงและความว่างเปล่าของพวกเขา แทนที่พวกเขาจะเรียกร้องความสงสารและเห็นใจ คริสกลับเลือกที่จะลืมมันไปพร้อมกับทาสีสันทับสีเทาแห่งความเศร้าหมอง จนเกิดเป็นอัลบั้ม A Head Full of Dream อัลบั้มที่ร่าเริง เต็มเปี่ยมไปด้วยสีสัน อย่างไม่แคร์เรื่องเลวร้ายในอดีต โดย 'แมท' ผู้กำกับมิวสิควิดีโอ ได้กล่าวว่า "แม้ความเศร้าหมองจะเป็นเชื้อเพลิงชั้นดีในการสร้างผลงาน แต่พลังคิดบวกของคริสกลับรุนแรงกว่า"

หลังจากนั้นพลังด้านบวกของ คริส มาร์ติน ก็ทรงพลังยิ่งขึ้น เพราะแม้แต่ไม้เบื่อไม่เมาอย่าง Noel Gallagher แห่ง Oasis คริสเองก็ลบล้างอคติแล้วชวนมาร่วมงานด้วย

นอกจากนี้ในวันที่ว่างจากการทัวร์คอนเสิร์ตของคริส เขามักที่จะไปเยี่ยมแฟนเพลงที่ป่วยตามประเทศต่างๆที่ได้ไปทัวร์ หรือแม้แต่บนเวทีคริสก็มักมีโมเมนต์พิเศษมามอบให้เหล่าแฟนคลับของเขาอยู่บ่อยครั้งยกตัวอย่างที่ ประเทศไอร์แลนด์ เขาให้แฟนเพลงที่พิการขึ้นมาเป็นแขกรับเชิญบนเวที หรือแม้แต่ที่กรุงเทพฯ เขาก็ร้องเพลง Everglow เพื่อเป็นการระลึกถึงการเสด็จสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช

และในวันนี้ทุกคนจดจำเขาที่มีใบหน้ายิ้มแย้มและดูเป็นมิตร ชายผู้เยียวยาใครหลายๆคนด้วยเพลงของเขา ชายผู้มอบความรักให้กับคนทั้งโลก ชายผู้อัดแน่นด้วยประจุด้านบวก "Chris Martin"

ฟังเพลง Fix You